วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กีฑาดีต่อร่างกาย

การเล่นกรีฑาในประเทศไทย
        การเล่นกรีฑาในประเทศไทย ริเริ่มโดยครูชาวอังกฤษนำมาสอนให้นักเรียนไทย ได้ฝึกเล่นในโรงเรียนพระตำหนักวังสวนกุหลาบ ในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วค่อยเจริญแพร่หลายขึ้น เมื่อ กระทรวงธรรมการเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับการพลศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 เป็นต้นมา
        กรีฑาในประเทศไทยเริ่มจัดให้มีการแข่งขันครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2440 ที่บริเวณ ท้องสนามหลวง เป็นงานมหกรรมต้อนรับการเสด็จนิวัติพระนคร คณะกรรมการได้กราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธาน และทอดพระเนตรการแข่งขัน นับตั้งแต่นั้นมากระทรวงธรรมการ ได้พยายามจัดให้มีการแข่งขันกรีฑาเป็นประจำปีตลอดมา ใน พ.ศ. 2476 รัฐบาลได้ตั้งกรมพลศึกษาขึ้น มีนโยบายส่งเสริมการกีฬาและการกรีฑาของชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
สนับสนุนให้มีการแข่งขันหลายประเภท เช่น การแข่งขันระหว่างโรงเรียน มหาวิทยาลัย และระหว่างประชาชนควบคู่กันไปภายใต้การดำเนินงานของกรมพลศึกษา สมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระยาจินดารักษ์ เป็น นายกสมาคมคนแรก และในปีเดียวกันก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของสหพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทยอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
                 ปัจจุบัน การแข่งขันกรีฑาถือเป็นกีฬาหลักที่จะต้องบรรจุเข้าอยู่ในการแข่งขันรายการสำคัญๆ ทุกครั้ง และนักกรีฑาของไทยหลายคน ได้สร้างขื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการแข่งขันระหว่างชาติหลายครั้งแล้วเเต่ส่วนมากจะเป็นการวิ่งพลัด

  ประโยชน์ของการเล่นกรีฑา

 การเล่นกรีฑาที่เหมาะสมกับเพศ วัย และสภาพของร่างกายตลอดจนมีการฝึกอย่างถูกหลักเกณฑ์และวิธีการ ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม เช่นเดียวกับกีฬาชนิดอื่น ๆ ดังนี้

ประโยชน์ทางด้านร่างกาย
1. ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางด้านร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง สมบูรณ์ มีความคล่องแคล่วว่องไว มีความทรหดอดทน
2. ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้เป็นผู้สง่างามสมส่วน สง่าผ่าเผย การทรงตัวดี
3. ช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เช่น ระบบการหมุนเวียนโลหิต ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร
4. ช่วยให้ร่างกายมีความอดทน ทำงานได้นาน เหนื่อยช้าและหายเหนื่อยเร็ว
5. ช่วยระบายพลังงานส่วนเกินออกไปในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น
6. ช่วยให้ร่างกายมีความต้านทานโรคได้ดี
ประโยชน์ทางด้านจิตใจและอารมณ์
1. ช่วยให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกล้าในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
2. ช่วยทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เร้าใจและตื่นเต้น
3. ช่วยให้มีอารมณ์และจิตใจแจ่มใส ร่าเริง
4. ช่วยระบายความตึงเครียด หลังจากที่ตรากตรำจากการทำงาน
5. ช่วยให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะและรู้อภัย
ประโยชน์ทางด้านสังคม
1. ช่วยให้เป็นผู้มีระเบียบวินัย ปฏิบัติตามกฏระเบียบ กติกาอย่างเคร่งครัด
2. ช่วยแก้ปัญหาของสังคม โดยการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
3. ช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี
 4. ช่วยก่อให้เกิดสัมพันธไมตรี และความสามัคคีระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
5. ช่วยก่อให้เกิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศโดยใช้การแข่งขันกรีฑาเป็นสื่อ

 
   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.panyathai.or.th/wiki/index.php/กรีฑา
- วิกิพีเดีย
- เว็บไซต์โรงเรียนพุทธิรังสีพิบูล จ.ฉะเชิงเทรา

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศิลปะการต่อสู้

   ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เน้นการเรียนและฝึกฝนด้านการต่อสู้และการป้องกันตัว ในปัจจุบันได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเชิงด้านการกีฬา เพื่อฝึกฝนร่างกายให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง หรือแม้กระทั่งฝึกฝนจิตใจ ภาพยนตร์หลายหลายเรื่องได้มีการนำศิลปะป้องกันตัวไปใช้ เช่น องค์บาก ที่นำมวยไทยมาใช้เป็นโครงเรื่องหลัก หรือภาพยนตร์จากฮอลลีวูด โดยมีนักแสดงเช่น เฉินหลง บรูซ ลี เจ็ท ลี
ศิลปะป้องกันตัวอาจเป็นกลุ่มได้ตามลักษณะการต่อสู้ เช่น
ศิลปะการต่อสู้ปัจจุบันมักถูกแบ่งเป็นสองประเภท
1.               ศิลปะการต่อสู้แบบกีฬา นอกจากจะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวมักถูกลดความรุนแรงลง และปรับปรุงเป็นกีฬา มีกติกาเพื่อใช้ในการแข่งขัน เช่น คาราเต้ มวย เทควันโด้ เคนโด้ กังฟู โววีนั่ม
2.               ศิลปะการต่อสู้ที่ยึดตามแบบแผนเดิม ถูกสอนโดยยึดถือแบบแผนเดิมจากอดีต ไม่มีการแข่งขัน จะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวเท่านั้น เช่น มวยไทยโบราณ ไอคิโด้ นินจุตสุ
 ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทย
การสงครามในสมัยก่อนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย บรรพบุรูษไทยแต่โบราณจำเป็นต้องปกป้องบ้านเมืองจากชาติอื่นๆที่มารุกราน ศิลปะการต่อสู้ของไทยที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ
  • มวยไทย
  • กระบี่กระบอง
การเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวในสมัยก่อนนั้นนิยมเรียนกันตามสำนักต่างๆซึ่งนิยมสอนการต่อสู้หลายแขนงเช่น มวยไทย การใช้มีดสั้น และ กระบี่กระบอง สำนักที่สอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวยังแบ่งได้อีกเป็นสองแขนงคือ สำนักหลวงและสำนักราษฐ์

 ขอบคุณข้อมูลจาก:th.wikipedia.org/wiki/ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

กีฬาเปตอง

กีฬาเปตองไทยในปัจจุบัน
      ปัจจุบันกีฬาเปตองได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติหลายครั้ง ในภูมิภาคอาเซียน แข่งกันมา 3 ครั้ง ทีมไทยชนะเลิศทั้งสามครั้ง คือครั้งแรกที่เมืองไทย ครั้งที่สองที่ญี่ปุ่น ครั้งที่สามที่สิงคโปร์ และครั้งที่ 4 กำลังจะไปแข่งที่ลาว ส่วนระดับโลก ปีที่แล้ว ทีมนักกีฬาหญิงได้ที่ 4 จากประเทศที่เข้าแข่งขัน 36 ชาติ
        พลตรีสำเริงเล่าว่า ชาติเราเร็วมากนะครับ ถ้าเปรียบเทียบกับชาติอื่น ฝรั่งเศสเขาเล่นกันมาตั้งนาน ไม่น่าแปลกใจ แต่เรามาที่หลังมาได้เป็นแชมป์โลกนี่น่าภาคภูมิใจคุณยงยุทธเสริมว่าเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง มีการแข่งขันกัน ทีมหญิงเราน็อคฝรั่งเศสเจ้าถิ่นหกรอบ ทำเอาเขาเต้นพล่าน
        กีฬาเปตองเดิมจะมีแต่ทีมผสมหญิงชาย แต่ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่เสนอให้แยกทีมชาย ทีมหญิง และทีมหญิงก็ประสบความสำเร็จมาก แข่งขันได้รางวัลรองชนะเลิศมาหลายครั้ง และในที่สุดก็ได้ชนะเลิศ ความจริงเปตองเป็นกีฬาอยู่ใกล้บ้านเรามาก่อน เพราะฝรั่งเศสได้นำกีฬาประเภทนี้ไปเผยแพร่ไว้ในลาว ในเขมร
        “สมัยก่อนผมเป็นทีมชาติฟุตบอล พวกลาว พวกเขมรนี่เขาจะเล่นเปตองเกลื่อน เขาเล่นกันก่อนเราเลยนะพลตรีสำเริงกล่าว
        ฯพณฯ องคมนตรีแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่าสิ่งซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงทำไว้ให้แก่นักกีฬาเปตองในประเทศไทย จนกลายเป็นการฝึกฝนให้นักกีฬาไทยไปโดยอัตโนมัติ ก็คือพระองค์ท่านได้ทรงสร้างกติกาขึ้นมาให้เคร่งครัดขึ้น มีขอบเขตของสนาม มีการขีดวงกลมให้ผู้โยนลูกหรือแม้กระทั่งการเดินออกไปดูลูกที่โยนไปว่าใกล้ ไกลแค่ไหน ท่านก็มีกติกาละเอียดว่า ห้ามถือลูกอีกลูกไปด้วย ท่านทรงรู้นิสัยคนไทยบางคน เดี่ยวแอบเอาลูกไปเปลี่ยน ท่านก็เลยกำหนดเอาไว้เข้มงวด อะไรทำนองนี้ แต่ที่ประเทศฝรั่งเศสเขาจะไม่เคร่งครัด เขาจะเขียนไว้คร่าวๆ เท่านั้นพระองค์ท่านทรงเห็นว่า หากการเล่นเปตองด้วยการออกกำลัง และความมสนุกสนานประการเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีกติกา แต่ถ้าเป็นการเล่นให้เป็นการแข่งขัน ก็จำเป็นต้องมีกติกาให้เหมาะสม
        สรุปว่า กีฬาเปตองในประเทศไทยนั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงริเริ่ม และสนับสนุนส่งเสริมมาเป็นเวลาช้านานแล้ว จนกระทั่งปัจจุบันกีฬาเปตองได้รับความนิยมแพร่ขยายไปทั่วประเทศ และนักกีฬาเปตองของไทยก็เคยไปแข่งขันในต่างประเทศจนทำชื่อเสียงมาแล้ว
      แต่ดูเหมือนว่า การประชาสัมพันธ์กีฬาเปตองของไทยอาจจะอ่อนไปสักหน่อย สมาคมสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยปรารถนาจะให้ประชาชนโดยทั่วไปทราบว่าทีมเปต องของไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงในระดับสากลมาแล้วเช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่น
        ฯพณฯ องคมนตรี พลอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ กล่าวว่าเปตองเป็นกีฬาที่เล่นกันไปโดยไม่มีกติกาเข้มงวดมากนัก เล่นกันอย่างสนุก ขึ้นอยู่กับผู้เล่น คนเล่นต้องตัดสินเอง ใครแพ้ ใครชนะ” “มันเป็นกีฬาที่เล่นด้วยสปิริต ผมว่าสูงเกินกอล์ฟนะ เพราะกรรมการจะไม่เข้าไปจุ้นจ้านเลย คนเล่นต้องวัดกันเอง ใครแพ้ใครชนะพลตรีสำเริงเสริม แต่อย่างไรก็ตาม กีฬาเปตองก็ยังไม่ได้รับการบรรจุให้เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก แต่ก็คาดว่าคงจะมีผู้ริเริ่มสนับสนุนให้กีฬาประเภทนี้เข้าสู่โอลิมปิกในภาย ภาคหน้าได้
        พระมหากรุณาของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่มีต่อราษฎรนั้น ทุกคนมีความสำนึกอย่างล้นพ้นหาที่สุดมิได้ในด้านการกีฬาเปตอง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนทุกรุ่นทุกวัย ก็เช่นกัน คนไทยทั่วไปได้ตระหนักดีว่า พระองค์ท่านทรงพระกรุณาให้เกิดการแพร่ขยายการเล่นกีฬานี้ไปทั่วประเทศ และเป็นการเล่นอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลดีทั้งต่อตัวบุคคลและต่อองค์กรหรือสถาบันด้วย
        ทุกครั้งเดินผ่านสนามเปตองในแผ่นดินไทย เราจะเห็นภาพราวกับภาพเขียนของจิตรกรที่ประกอบด้วยสีสำคัญ 4 สี คือ สีน้ำตาลแดงเรียบของพื้นแผ่นดิน สีเขียวของร่มไม้ สีครามของท้องฟ้าเมืองร้อน และสีเงินวะวาววามของลูกเปตอง และเหนือกว่าสีสันอันบรรเจิดตาที่เราได้เห็นนั้น มีสีหนึ่งสถิตอยู่ เป็นสีที่อยู่เหนือสีทั้งปวง และเป็นสีในดวงใจของเหล่าพสกนิกรเสมอ คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีแม่ฟ้าหลวงในสวรรคาลัย ที่อยู่ในหัวใจคนทั้งประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก;www.pongpansport.com/index.php?mo=3&art=343568

เทควันโด้

ประวัติความเป็นมา
      รากฐานของเทควันโดคือแทกคียอน   รูปแบบการต่อสู้แบบดั้งเดิม ในทางกลับกันแทกคียอนนั้นย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคที่เกาหลียังอยู่กันเป็นชนเผ่า แทกคียอนนั้นเป็นการรู้กันในชื่อที่แตกต่างกันไปจากยุคสู่ยุคและถูกพบว่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคของสามอาณาจักร ( ช่วงระหว่างศตวรรษที่สี่ถึงเจ็ดคราวที่อาณาจักรโกกุเรียว ซิลลาและแบกเชต่อสู้กันเองเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในคาบสมุทรเกาหลี ) หลังจากนั้นแทกคียอนมีการพัฒนามากขึ้นและมีวิวัฒนาการในระหว่างยุคกอร์เยว ( ค . ศ . 918 - 1392) ช่วงเวลาที่ผู้ที่มีทักษะในการต่อสู้ได้รับการนับถือกันมาก ระหว่างช่วงเวลานั้น แทคคียอนใช้เป็นเครื่องมือในการเลื่อนยศของกองทัพ แต่สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปเมื่อมาถึงยุคโชซอน ( ค . ศ . 1392 -1910) เมื่อมีการใช้ดาบกันมากขึ้น ทำให้แทกคียอนค่อยๆลดต่ำลงจนไม่เห็นคุณค่า ขณะนี้เทควันโดซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากแทกคียอนได้รับการยอมรับว่าเป็นกีฬาระดับโลกซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามอันหนักหน่วงของผู้คนต่างๆมากมาย
     เหตุผลว่าเทควันโดสามารถได้รับความสำเร็จแบบนี้ในยุคปัจจุบันว่าเป็นกีฬายอดนิยมชนิดหนึ่ง ( เมื่อเปรียบเทียบกันรูปแบบการต่อสู้แบบต่างๆของเอเซีย ) อาจจะเป็นไปในลักษณะของความจริงสิ่งหนึ่งที่ว่าในยุคโบราณนั้นมีรูปแบบการแข่งขันที่รุนแรงในวัฒนธรรมของศิลปะการต่อสู้ของเกาหลี
กฎกติกากีฬาเทควันโด
เทคนิคการต่อสู้และเป้าหมายที่อนุญาต
มือ --- ใช้ได้เฉพาะสันหมัด เท่านั้น โดยเป้าหมายที่อนุญาต คือบริเวณลำตัวเท่านั้น
เท้า -- ให้ใช้เทคนิคใด ๆ ก้อได้ที่เป็นส่วนของข้อเท้าหรือต่ำกว่า (แข้งไม่ได้คะแนนครับ) โดยอนุญาตให้ใช้แค่ส่วนของลำตัวและใบหน้า (ท้ายทอยไม่อนุญาต ถ้าตั้งใจเตะบริเวณท้ายทอยถือว่าผิดกติกา)

การทำคะแนน
เป้าหมายที่ได้คะแนน
  • บริเวณกลางลำตัวคือ บริเวณหน้าท้องและสีข้างทั้งสองข้าง (แถวชายซี่โครง) หรือบริเวณที่เป็นสีน้ำเงินหรือสีแดงของเกราะ
  • ใบหน้าเฉพาะด้านหน้า ไม่อนุญาติให้เตะบริเวณส่วนท้ายทอยหรือหัวด้านหลัง ถ้าเจตนาเตะอาจจะถูกตัดคะแนนได้แล้วแต่วิจารณญาณของกรรมการ

การได้คะแนน
  • ผู้เข้าแข่งขันจะได้คะแนนก้อต่อเมื่อได้ใช้เทคนิค การเตะ ต่อย หรือถีบ กระทำต่อเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ และรุนแรง (โดยพิจารณาจากการที่คู่ต่อสู้ มีอาการเซ ผงะไปตามแรงกระทำ หรือล้ม จุก) อย่างไรก้อตามหากคู่ต่อสู้ล้มเนื่องจากการเข้ากระทำในส่วนที่เป้นสีขาว(ส่วนที่ไม่เป้นคะแนน) ก้ออาจจะอนุโลมให้ได้
  • การให้คะแนนแต่ละครั้งให้นับครั้งละ 1 คะแนน เตะบริเวณหัว/ใบหน้าได้ 2 คะแนน (บางแมทการแข่งขันอาจะนับแค่1 คะแนน แล้วแต่จะตกลงกันในใบระเบียบการครับ)
  • คะแนนรวมตลอดการแข่งขัน คือผลรวมของคะแนนทั้งสามยก
จะไม่มีการนับคะแนนก็ต่อเมื่อ
  • ผู้เข้าแข่งขันล้มลง โดยเจตนาทันทีหลังจากการเข้าทำคะแนนได้
  • ผู้เข้าแข่งขันแสดงอาการกิริยาอันไม่สมควร (โห่ร้อง กระโดโลดเต้น เข้ากอด รัด หรือเหยียบซ้ำ ) หลังจากการเข้าทำคะแนนได้ ผู้เข้าแข่งขันใช้เทคนิคการต่อสู้ที่นอกเหนือไปจากที่อนุญาติ เช่น (เข่า ศอก ศีรษะ เป็นต้น)
ปรับปรุงใหม่ 2552
ตามที่สหพันธ์เทควันโดโลก (World Taekwondo Federation) ได้มีการประชุม International Referee Selection Training Camp for the Beijing Games เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม –  4 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไข กฎกติกาการแข่งขันกีฬาเทควันโด ดังต่อไปนี้
Article 11. บริเวณที่ได้คะแนน
เกิดจากการเตะเข้าทุกที่ ที่ครอบคลุมด้วยเกราะป้องกันลำตัว (Trunk Protector) ยกเว้นเตะเข้าบริเวณกระดูกสันหลังจะไม่ได้คะแนนเกิดจากการเตะเข้าที่ศีรษะและใบหน้าโดยการใช้เทคนิคด้วยเท้าเท่านั้น ยกเว้นบริเวณด้านหลังของศีรษะจะไม่ได้คะแนน
Article 14. ข้อห้ามและบทลงโทษต่าง
 การตัดคะแนน (Kyong-go)การออกนอกเส้นสนามแข่งทั้งสองเท้าไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ จะโดนตัดคะแนน (Kyong-go) โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า (joo-eui) ยกเว้นจะถูกผลักด้วยมือ หรือ ไหล่ของคู่ต่อสู้การล้ม จะถูกตัดคะแนนในทุก ๆ ครั้งที่ล้มโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า (joo-eui) ยกเว้นเป็นการล้มที่เกิดจากการต่อสู้ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ผู้ตัดสินจะอนุญาตให้นักกีฬาเตรียมต่อสู้ดูชั้นเชิงคู่ต่อสู้ประมาณ 5 วินาที หลังจากที่บอกให้เริ่มแข่งขัน (shi-jak) และนาฬิกาควบคุมการแข่งขันจะเริ่มนับ หากไม่ทำการต่อสู้ภายใน 10 วินาที จะถูกตัด Kyong-go ทันที โดยเฉพาะนักกีฬาที่ถอยเมื่อคู่ต่อสู้จะเข้าทำคะแนนการยกเข่าขึ้นบังหรือ Block การเตะของคู่ต่อสู้ด้วยเข่า หรือการใช้เทคนิคที่นอกเหนือจากกีฬาเทควันโดจะต้องถูกตัด Kyong-go
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน 
  ประกาศ    วันที่  23 สิงหาคม 2550
  สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย
กฎกติกานี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่การคัดเลือกไปโอลิมปิค ที่ประเทศอังกฤษ เมืองแมนเชสเตอร์  ณ วันที่ 28 – 30 กันยายน 2550 

ขอบคุณข้อมูลจาก: www.emacthailand.com/2009/index.php?option, school.obec.go.th/srt/Siriporn/katika.htm

ดาบสากล

ฟันดาบสากล : ประวัติกีฬาฟันดาบสากล
      ในสมัยยุคกลาง ( ศตวรรษที่ 5 ถึง 15 ) ดาบถูกใช้เป็นอาวุธในเชิงรุกใช้สำหรับทำลาย เกราะและเสื้อเกราะ ต่อมาใช้สำหรับการรบในระยะประชิดตัว หลังจากพ้นวิถีอาวุธปืน พัฒนาการของดาบนั้นดำเนินการต่อเนื่องมีใช้กันอย่างแพร่หลายในเอเซียและยุโรป เมื่อเกราะขนาดใหญ่เริ่มที่จะล้าสมัย ดาบจึงถูกใช้เป็นอาวุธสำหรับการตั้งรับและดีพอๆกับการใช้เป็นอาวุธในเชิงรุก ในศตวรรษที่ 16 ดาบชนิดเรียวตรงเริ่มเป็นที่รู้จักใน อิตาลี ศิลปะการใช้ดาบเริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็วอีกในหนึ่งดาบสั้นสองคมและโกร่งดาบได้ถูกพัฒนาให้มีส่วนหนาและบางเพื่อเป็นตัวแทนสัญญลักษณ์ของเกราะ และได้ถูกนำเข้ามาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความกล้าและเก่ง ดังเช่นอัศวินผู้กล้าในสมัยโบราณโดยไม่ประสงค์ที่จะให้คู่ต่อสู้ถึงแก่ชีวิตในสนามประลอง ในทางปฏิบัติทั่วๆไปแขนที่ไม่มีดาบคือแขนซ้ายจะปล่อยเป็นอิสระ และพยายามทำแขนที่ถือดาบเป็นตัวปิดป้องเป้าหมายให้เหลือน้อยที่สุด
ประวัติฟันดาบในประเทศไทย
การฟันดาบในประเทศไทยเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2478 แต่ไม่ได้ดำเนินการมาโดยต่อเนื่อง จนถึงปี พ.ศ. 2508 กีฬาฟันดาบจึงได้รับความสนใจจากประชาชนแต่เป็นเพียงส่วนน้อย และค่อยๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ สมาคมนักฟันดาบสมัครเล่นฯจึงได้เกิดขึ้น และได้แพร่หลายไปในต่างประเทศ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2513 กีฬาฟันดาบได้ประสบความสำเร็จและแพร่หลายแต่ก็ยังอยู่ในเมืองหลวง เพราะส่วนในภูมิภาคนั้นประชาชนยังให้ความนิยมกันน้อย
  องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทย) ได้เริ่มให้การสนับสนุนเกี่ยวกับด้านต่างๆ ทำให้เยาวชนเริ่มสนใจในการฟันดาบ ภายหลังที่สมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทยได้ตั้งขึ้นมาและสมาคมฯเริ่มนำกิจกรรมฟันดาบเข้าไปสู่มหาวิทยาลัย รวมทั้งสถาบันการศึกษาของทหาร ด้วยเหตุนี้เองกีฬาฟันดาบจึงเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
  ในที่สุดการพัฒนากีฬาฟันดาบก็เริ่มเข้าสู้มาตรฐาน การคัดเลือกนักกีฬาเป็นไปอย่างกว้างขวาง แม้จะมีนักกีฬาฟันดาบฝีมือดีเพียงเล็กน้อยก็ตาม ครั้งแรกที่นักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขันกับนานาชาติคือการเข้าร่วมการแข่งขันในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 7 ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ต่อจากนั้นจึงได้เข้าร่วมในการแข่งขันระหว่างประเทศเรื่อยมา และประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
กีฬาฟันดาบถือได้ว่าเป็นกีฬาสมัยใหม่ที่สุด เพราะมีการพัฒนาที่เป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ผู้ที่เล่นกีฬานี้ยังคงพัฒนาตามวิวัฒนาการ เพราะจะยึดถือแบบอย่างเดิมอีกต่อไปไม่ได้ จำเป็นต้องมีแนวความคิดหรือหลักนิยมใหม่ที่เหมาะสมในการที่จะบรรลุความสำเร็จ ฟันดาบเป็นกีฬาที่มีค่านิยมน้อย แต่มีคุณธรรมสูง ซึ่งความนิยมอาจถึงจุดอิ่มตัว แต่คุณธรรมไม่รู้จักอิ่มตัวและย่อมแสวงหาให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นสมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้จดทะเบียนก่อตั้งสมาคมฯและสหพันธ์สมาชิกของโอลิมปิก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2510 และเป็นสมาชิกของสหพันธ์กีฬาระหว่างชาติ เมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2511 และเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟันดาบแห่งเอเชีย เมื่อปี พ.ศ. 2516
การใช้ดาบชนิดเรียวตรงและเทคนิคดาบของอิตาลีได้แพร่หลายไปทั่วยุโรป เฉพาะในฝรั่งเศสและอิตาลีขนาดและรูปร่างของดาบชนิดเรียวตรงได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ มีผลทำให้ความยาวและน้ำหนักถูกปรับแต่งจนจับถีอได้สะดวกขึ้น ในศตวรรษที่ 18 ดาบขนาดเล็กหรือดาบเอเป้ได้ถูกสร้างขึ้นและแพร่หลายในฝรั่งเศส อาวุธชนิดใหม่นี้เป็นเป็นผลการรวมของลักษณะเด่นของดาบอิตาลีและฝรั่งเศส อิตาลีใช้ดาบชนิดเรียวตรงในการแสดงความกล้าหาญการใช้เสียง ท่าทางที่ดูเข้มแข็ง ฝรั่งเศสใช้ดาบเอเป้ในลักษณะที่เป็นทางการมากๆ การควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างดี รูปแบบดาบของฝรั่งเศสเริ่มที่จะมีชื่อเสียงมากขึ้น กฎที่เป็นทางการส่วนใหญ่ที่ใช้ในการแข่งขันยุคสมัยใหม่และศัพท์ในรูปแบบต่างๆ ของดาบสากลส่วนใหญ่จะใช้ภาษาฝรั่งเศส
      ในศตวรรษที่ 19 การต่อสู่โดยทั่วไปเป็นสิ่งผิดกฏหมาย และโรงเรียนสอนฟันดาบเริ่มเปลี่ยนมาเป็นการสอนฟันดาบเพื่อการกีฬา อุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังคงใช้และถูกพัฒนาในตอนนี้ด้วยรวมทั้งถุงมือที่สวมในข้างที่ถีอดาบ ปลาสตอง ( เกราะอก) และหน้ากากที่ถักด้วยเส้นตาขายเหล็ก


ขอบคุณข้อมูลจาก:www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table...